จังหวัดระนองเป็นจังหวัดชายฝั่งติดทะเลตะวันตกของภาคใต้ ประเทศไทย ซึ่งในตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่า เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งสุดๆ เนื่องด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีสถานที่เที่ยวแบบ Unseen Thailand ซ่อนอยู่อีกด้วย โดนใจสายชิลล์แบบเลี่ยงไม่ได้เลย และในวันนี้หม่ามี๊ก็จะมาพาเพื่อนๆลัดเลาะเที่ยวในตัวเมืองระนองกันซักหน่อยพอหอมปากหอมคอ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าระนองนั้นมีดีอะไร วันนี้หม่ามี๊จะพาไปพิสูจน์แบบ One Day City Tour แบบเต็มอิ่มไปเลย หม่ามี๊จัดแผนที่แบบคร่าวๆมาเป็นแนวทางให้เพื่อนๆได้ดูกันด้วยค่ะ
09.00 น. ทานข้าวกันแบบจุกๆ เพิ่มพลังก่อนออกเดินทางที่ร้านข้าวมันไก่หลังศาล
ตื่นเช้ามาด้วยความหิว บวกกับดูตารางที่จะไปเที่ยววันนี้แล้ว ต้องเพิ่มพลังอย่างด่วนๆเลย นั่งคิดนอนคิด ก็เพิ่งนึกว่า
เฮ้ย! ที่ระนองมีร้านข้าวมันไก่ร้านดังอยู่นี่หน่า ไม่รอช้าให้เสียเวลา ก็ออกเดินทางกันไปร้านข้าวมันไก่กันเลยดีกว่าค่ะ
ขับรถมาทางเส้นถนนดับคดี ก็จะเจอกับผู้คนและมอเตอร์ไซค์ที่จอดเรียงรายกันอยู่หน้าร้าน ลูกค้าแน่นตั้งแต่เช้าเลย
พนักงานทำงานกันคล่องแคล่วฉับไว ลูกค้ามาซื้อกลับบ้านเยอะพอสมควรเลยค่ะ ซึ่งทางเราก็ไม่รีรอ ขอเดินเข้าไปจับจองที่นั่งก่อนดีกว่า เพราะคนเริ่มจะเต็มร้านแล้ววว
เมื่อได้ที่นั่งปุ๊บ หันกลับไปมองรอบๆร้านอีกที โอ้ววว คนเยอะมากกก มีทั้งชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา และพนักงานของรัฐที่ทำงานอยู่ในระแวกนี้ แวะเวียนมาทานกันไม่ขาดสาย ก็แอบสงสัยว่ามันจะอร่อยขนาดไหนกันเชียว หม่ามี๊เลยสั่งเมนูข้าวมันไก่รวมธรรมดาและพิเศษอย่างละจานมาจัดกันซักหน่อย
ความพีคมันอยู่ตรงนี้! ข้าวมันไก่รวมธรรมดาที่สั่งไปนั้น ได้มาเยอะมากกกก ข้าวพูนจานพร้อมกับไก่ต้มและไก่ทอด ไม่แปลกใจว่าทำไมคนเยอะ เพราะราคาที่ถูกและปริมาณที่เยอะนั่นเอง
ในส่วนของจานที่สั่งพิเศษไปนั่น ข้าวแทบจะล้นของจากจานเลยค่ะ ร้านนี้พิเศษตรงที่น้ำจิ้มนี่แหละ อร่อยมากๆ
ดังนั้น ใครที่อยากจะทานอะไรคุ้มๆจุกๆ แนะนำร้านนี้เลยค่ะ เพราะธรรมดาของที่นี่พิเศษกว่าร้านอื่นมาก
ถ้าไม่แน่จริง อย่าสั่งพิเศษเลยเด้อ หม่ามี๊ขอเตือนจ้า
10.00 น. ไหว้พระเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต ที่วัดบ้านหงาว
หลังจากทานข้าวกันแบบจุกๆแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องไปทำอะไรที่เสริมสิริมงคลให้กับชีวิตดีกว่า มาเที่ยวระนองทั้งที ก็ต้องไปไหว้พระที่วัดคู่บ้านคู่เมืองของระนองกันก่อนค่ะ เราจะไปกันที่วัดบ้านหงาว ที่อยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองระนองพอสมควร ใช้เวลาขับรถไปประมาณ 20 นาทีก็ถึงวัดบ้านหงาวแล้วค่ะ
วัดบ้านหงาวตั้งอยู่ที่ ต.หงาว อ.เมืองระนอง จ.ระนอง เดิมทีเป็นเพียงที่พักพระสงฆ์ จนกระทั่งหลวงพ่อเขียด พระธุดงค์มาจากปัตตานี มาปักกรดบำเพ็ญ แล้วชาวบ้านเกิดการเลื่อมใส ศรัทธา จึงได้สร้างวัดขึ้นในปี พ.ศ.2530 และให้ท่านพำนักที่วัดแห่งนี้ ปัจจุบันวัดบ้านหงาวมีเจ้าอาวาสชื่อพระครูประจักษ์สุตาสาร เป็นพระนักพัฒา ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในสมัยพระครูประจักษ์สุตาสาร เช่น อุโบสถหลังใหม่ที่ใหญ่และสวยงาม
ความพิเศษของที่วัดหงาวนั่นก็คือ ที่วัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่หล่อด้วยดีบุก ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือที่มีชื่อทางการว่า พระติปุกะมหาศากยมุนีศรีรณังค์ สวยงามมากๆเลยค่ะ
บริเวณรอบๆของวัดนั้น มีบรรยากาศที่ดีมากๆ มองไปไกลๆก็จะเห็นน้ำตกหงาว ที่ไหลมาเป็นเส้นๆจากภูเขาเลย
มองกลับมาอีกด้าน บริเวณด้านหลังอุโบสถมีบันไดที่สูงสุด 300 ขั้น เพื่อให้เพื่อนๆขึ้นไปไหว้พระตีระฆังบนยอดเขาเพื่อเสริมศิริมงคล และสามารถชมวิวรอบๆได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งในตอนนี้ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
11.00 น. เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของเมืองระนองที่บ้านร้อยปีเทียนสือ
ไหว้พระเสริมสิริมงคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่เราจะไปหาความรู้กันดีกว่า ซึ่งที่ที่หม่ามี๊จะพาทุกคนไปนั้น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชนระนองเลยค่ะ
บ้านเทียนสือ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระนอง เป็นบ้านเก่าที่มีอายุกว่า 150 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นบ้านเก่าแก่ที่สุดหลังหนึ่งของเมืองระนอง รวมทั้งเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยรวบรวมองค์ความรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดระนองไว้มากมาย
และในวันที่หม่ามี๊ไป ถือว่าโชคดีและเป็นเกียรติมาก ที่ได้รับการต้อนรับจาก “โกศุภ” ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านเทียนสือในปัจจุบัน โกศุภเป็นทายาทซึ่งเป็นเชื้อสายของบ้านหลังนี้ ที่คอยให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของจังหวัดระนอง
\
หม่ามี๊อยากจะบอกทุกๆคนว่าโกศุภเล่าเรื่องได้น่าสนใจมากๆเลยค่ะ มีทักษะการเล่าที่ทำให้เราไม่อยากจะพลาดซักวินาทีเดียวเลย
องทำงานของจริงของคอซู้เจียง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นห้องคลังของระ
12.30 น. รับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านคุ้นลิ้น ร้านอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดระนอง พร้อมพักผ่อนหย่อนกายที่บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ
หลังจากที่เราได้รับความรู้เชิงประวัติศาสตร์กันมาเรียบร้อยแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่มั้ยล่ะคะ มาถึงระนองทั้งที จะพลาดร้านอาหารขึ้นที่ของที่นี่ได้อย่างไร ต้องไปจัดซะแล้วค่ะ ร้านอาหารคุ้นลิ้น อยู่ตรงข้ามกับบ่อน้ำร้อนรักษะวาริณเลยค่ะ
ขับรถออกห่างมาจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ตัดเข้ากับถนนชลระอุ ก็พบกับความเขียวขจี โอบล้อมไปทั้งสองข้างทาง ซึ่งเป็นทางที่จะนำไปถึง ร้านคุ้นลิ้น บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณนั่นเองค่า
ร้านคุ้นลิ้นตั้งอยู่ริมถนนชลระอุ ตรงข้ามกับบ่อน้ำร้อนรักษาวาริณ
ร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆเลยค่ะ มีมุมถ่ายรูปให้เพื่อนๆได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเยอะพอสมควร ซึ่งทางร้านก็มีกิมมิคเล็กๆที่น่ารักให้กับลูกค้าของทางคุ้นลิ้นด้วย นั่นก็คือ เจ้าตุ๊กตาไล่ฝนหลากสีสัน
มาถึงส่วนของอาหารกันดีกว่าค่ะ อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารพื้นเมืองแบบปักษ์ใต้ รสชาติจัดจ้านพอสมควรเลย
และทีเด็ดของร้านนี้ ที่หม่ามี๊ไม่อยากให้ทุกคนพลาดเลยค่ะ เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน “น้ำพริกไข่ปู” ซึ่งเจ้าเมนูนี้อร่อยโดนใจหม่ามี๊มากๆ เสิร์ฟพร้อมกับผักทอดและผัดต้มจานใหญ่เลย
อ้อ! อีกหนึ่งลูกเล่นของร้านนี้ สำหรับเพื่อนๆที่คิดเมนูที่จะทานไม่ออก ทางร้านก็มีอุปกรณ์เสริมให้ค่ะ คือเซียมซีเสี่ยงทาย คิดไม่ออกก็เขย่าเล๊ยย ไม่ต้องแอบมองให้เสียเวลาจ้า สำหรับใครที่มาเที่ยวระนอง ก็อย่าลืมแวะเวียนมาทานข้าวกันที่ร้านนี้นะคะ หม่ามี๊ไม่อยากให้เพื่อนๆพลาดของดีเมืองระนองนะ!
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว เพื่อนๆสามารถไปชิลกันอีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อของระนอง เค้าว่ากันว่า ที่แห่งนี้นั้น เป็นออนเซ็นเมืองไทยเชียวล่ะ อยู่ตรงข้ามกับร้านอาหารคุ้นลิ้นเลยค่ะ
บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ เป็นบ่อน้ำร้อนที่ผุดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 บ่อด้วยกันค่ะ นั่นก็คือบ่อพ่อ บ่อแม่ แล้วก็บ่อลูกนั่นเอง แต่ละบ่อนั้นมีอุณหภูมิความร้อนถึง 65 องศาเซียลเซียสกันเลยทีเดียว ต้มไข่กันได้เลย
ด้วยความที่ระนองเป็นเมืองฝนแปด แดดไม่มี หม่ามี๊ไม่ได้บอกข้อมูลผิดนะคะ เพราะแดดไม่มีเนี่ย คนพื้นที่ระนองบอกมาแบบนี้เลย ซึ่งวันที่หม่ามี๊ออกไปเที่ยว แดดไม่มีเลยจริงๆ อากาศเย็นๆชื้นๆ จากการที่ฝนเพิ่งจะหยุดตกไป
บริเวณน้ำพุร้อน มีสะพานให้ข้ามไปอีกฝั่งได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องระวังกันหน่อยนะคะ เพราะถ้าคนเยอะ สะพานจะแกว่ง อาจจะทำให้เสียการทรงตัวได้
มองย้อนกลับมาจากสะพานก็เจอกับชาวระนองกำลังแช่น้ำร้อนกันเลย ตัดกับภาพภูเขาและไอร้อนระเหยขึ้นไป อย่างกับวาร์ป
15.00 น. นั่งเล่นชิลๆที่คาเฟ่สุดน่ารัก พร้อมกลิ่นอายความเป็นระนองแบบ 100% – Mingala Baba Cafe’
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีกว่า จังหวัดระนองเป็นจังหวัดชายฝั่งที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเมียนมาร์ ทำให้เพื่อนๆสามารถเห็นชาวเมียนมาร์ในตัวเมืองระนองได้แทบจะทุกพื้นที่เลย และหม่ามี๊ก็แอบไปเจอกับคาเฟ่เล็กๆน่ารักๆ ริมถนนเรืองราษฎร์ ย่านแสงสีของตัวเมืองระนองค่ะ ชื่อว่าร้าน Mingala Baba
ตัวร้านเป็นสีขาว ตั้งอยู่ในสวนเล็กๆที่มีแต่สีเขียวเต็มไปหมด
หน้าร้านจะมีป้ายที่มี Quote สั้นๆพร้อมกับคำทักทาย ภาษาไทย ภาษาเมียนมาร์และภาษาจีน สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ น่ารักมากกกก
ตัวร้านโปร่งโล่งสบาย มีที่นั่งแบบเป็นโต๊ะและแบบบาร์ การตกแต่งร้านจะเน้นเป็นงานฝีมือซะส่วนใหญ่ มีกลิ่นอายความเป็นพื้นเมืองแบบภาคใต้ ซึ่งทำให้เป็นที่มาของชื่อร้านนั่นเองค่ะ เป็นการเล่นคำจากคำว่า “มิงกาลาบา” ที่แปลว่าสวัสดีในภาษาเมียนมาร์ และคำว่า “บาบ๋า” ที่มาจากรากวัฒนธรรมของชาวระนอง นั่นเองค่ะ
มองออกไปข้างนอก อ้าว! .ฝนกลับตกลงมาหนักซะงั้น โอเค ไม่เป็นไร ในร้านยังมีอะไรให้เราสืบเสาะอีกเยอะเลย
ภาชนะที่ใช้ในร้านจะเป็นทรงที่เราเคยเห็นในสมัยเราเด็กๆใช่มั้ยล่ะคะ มีความย้อนยุคหน่อยๆ น่ารักมากๆ
เมนูของที่ร้านมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย แต่เต็มไปด้วยความครีเอทและความอร่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเบเกอรี่่แบบโฮมเมดค่ะ หม่ามี๊ก็ได้สั่งวาฟเฟิลไอศกรีมกับ น้ำตะไคร้อัญชันมะนาวมาทานแบบกรุบกริบ
อีกหนึ่งเมนูที่เป็นทีเด็ด สำหรับคนที่อยากเติมคาเฟอีนลงในร่างกาย หม่ามี๊ขอแนะนำเมนูนี้ค่ะ “ชาพม่า” ซึ่งชาพม่าจะแตกต่างกับชาไทยบ้านเราที่ จะมีกลิ่นที่หอมมากกก แล้วรสชาติยังละมุน กลมกล่อมมากมาย
พี่เจ้าของร้านมีความพิถีพิถันในการทำแต่ละเมนูมากๆ
มีงานแฮนด์เมดที่นำผ้าถุุง ที่เป็นเครื่องแต่งกายพื้นเมืองแบบใต้ๆมาดีไซน์เป็นของที่ระลึกต่างๆด้วยค่ะ เห็นร้านเล็กๆแบบนี้ แต่อยากจะบอกว่ามีอะไรที่น่าสนใจเยอะเลยค่ะ แถมพี่เจ้าของร้านก็คุยเก่งด้วย คอยเล่าประวัติความเป็นมา และวิถีชีวิตของคนระนองให้หม่ามี๊ฟังด้วย มองนาฬิกาดู เฮ้ย!เราใช้เวลาในร้านนี้ไปเกือบๆ2ชั่วโมงเลยนะเนี่ย
ก่อนกลับก็ขอแชะภาพพี่เจ้าของร้านซักหน่อย ต้องขอขอบคุณพี่เจ้าของร้านด้วยนะคะ ที่คอยให้ความรู้ ตอนนี้ก็ต้องลาจากกันซะแล้ว ไว้โอกาสหน้าจะแวะมาใหม่นะคะ
ร้านมิงกาลาบาบ๋า เปิด 11 โมงเช้า จนถึง 6โมงเย็น หยุดทุกวันจันทร์และวันอังคารค่ะ ตรงข้ามร้านจอกดิน ถนนเรืองราษฎร์ ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยวที่ระนองก็อย่าลืมแวะมานะคะ
19.00 น. มื้อเย็นแบบพรีเมี่ยมที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของจังหวัดระนอง – คอซูชิ
หลังจากที่เที่ยวกันมาทั้งวันแล้ว เราก็มาให้รางวัลตัวเองกับอาหารมื้อสุดท้ายของวันกันดีกว่าค่ะ ร้านที่หม่ามี๊จะพาทุกคนมานั้นเป็นร้านที่ดังมากกก ในตัวเมืองระนองเลยก็ว่าได้ค่ะ ชื่อว่าร้านคอซูชิ อยู่ตรงข้ามพระราชวังรัตนรังสรรค์ ย่านใจกลางเมืองเลยค่ะ ร้านนี้คนเยอะตลอดเลย ซึ่งเมื่อก่อนร้านคอซูชิเป็นแค่ร้านเล็กๆ มีที่นั่งประมาณ 5-6โต๊ะ ซึ่งตอนนี้ได้รีโนเวทร้านใหม่เป็นสไตล์เรียวกัง 3 ชั้น
เข้ามาด้านในแล้ว เหมือนเราหลุดไปอยู่ในญี่ปุ่นเลยค่ะ มีเพลงญี่ปุ่นคลอ พนักงานก็แต่งตัวด้วยชุดกิโมโนสีแดงมาต้อนรับเลย พร้อมกับพนักงานทุกคนร้านที่ตะโกนพร้อมกันว่า “อาราชาอิมาเสะ ยินดีต้อนรับค่า” น้องๆในชุดกิโมโนก็พาเราไปนั่งถึงที่เลย สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ
โชคดีที่หม่ามี๊ได้เจอกับคุณลุงเจ้าของร้านพอดี คุณลุงเข้ามาบริการด้วยตัวเองเลยค่ะ บอกกับทางหม่ามี๊ว่า ร้านรีโนเวทมาเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่กี่วัน ถ่ายรูปได้เต็มที่เลย มีอะไรเรียกน้องๆพนักงานได้เลย
]
หม่ามี๊เลยใช้โอกาสนี้ในการเดินสำรวจตัวร้านเลยค่ะ มีทั้งครัวร้อน ครัวเย็น
แอบขึ้นมาแชะภาพจากชั้น3ซักหน่อย รู้สึกประทับใจกับการใส่ใจรายละเอียดที่ร้านมากๆเลยค่ะ มีทั้งนั่งแบบโต๊ะธรรม และนั่งแบบโต๊ะญี่ปุ่นแต่ด้านในมีช่องไว้ให้เราห้อยขาด้วย
ต่อให้เพื่อนๆนั่งชั้น3 ก็ไม่ต้องกลัวนะคะว่าจะได้รับการบริการไม่เต็มที่ เพราะน้องๆพนักงานจะคอยเดินให้บริการตลอดเวลาค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากดีกว่า หม่ามี๊ขอพาไปดูอาหารของมื้อนี้ดีกว่า
เมนูแรก ข้าวแกงกะหรี่ปลาหมึก เครื่องแกงกะหรี่แบบเข้มข้นกับเนื้อปลาหมึกกรุบๆ ฟินมากกกก
เกี๊ยวซ่าสอดใส้แบบแน่นๆ เห็นดูเป็นเมนนูทั่วไปแบบนี้ อยากจะบอกว่าเด็ดมาก
แซลม่อนโรลหนึ่งจานประมาณเกือบสิบชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นก็ใหญ่มากกก ใครไม่ใช่สายแข็งนี่ต้องยอมแพ้ตั้งแต่3คำแรกแน่ๆ เพราะจะต้องอิ่มก่อน แต่หม่ามี๊สู้!
ดูขนาดซิคะทุกคน!!
สังเกตได้ว่ามีลูกค้าเข้าออกตลอดเลย โต๊ะไม่เคยว่างถึง5นาทีเลย ดูท่าจะโดนใจทั้งชาวระนองและนักท่องเที่ยวไม่เบาเลยล่ะค่ะ
ก่อนกลับก็ต้องขอแชะภาพกับน้องๆพนักงานซักหน่อยดีกว่าค่ะ ซึ่งทุกคนบริการเต็มที่มากๆเลย ก่อนเดินออกจากร้านน้องๆก็ขอบคุณเราเป็นภาษาญี่ปุ่นกันเสียงดังลั่นร้าน “อาริกาโตะโกซาอิมาชิตะ” ไว้มีโอกาสหน้าจะกลับมาแน่ๆจ้า อ้อ!คุณลุงฝากมาบอกว่า ในอนาคตร้านคอซูชิจะไม่ได้มีแค่ซูชิอย่างเดียวนะคะ เพราะในอนาคตจะมีออนเซ็นและที่พักแบบเรียวกัง พร้อมดนตรีสดอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหาร Japanese Style แบบ One Stop Service เลย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ City Tour เมืองระนองแบบง่ายๆสไตล์หม่ามี๊ พอได้เที่ยวทั่วๆแบบนี้แล้ว จะสังเกตได้ว่า จังหวัดระนองเป็นจังหวัดที่น่ารักมากๆ คนระนองคุยเก่งมากกกก อีกทั้งยังมีความหลงรักและอนุรักษ์วัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าของบ้านเมืองให้อยู่สืบต่อไป หวังว่าบทความนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถเป็นไกด์ไลน์ให้เพื่อนๆเที่ยวตามกันได้นะคะ และในครั้งหน้าหม่ามี๊จะพาไปเที่ยวที่ไหน ก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ เพราะของดีรออยู่อีกเพียบ!
เจอกันใหม่ในรีวิวหน้านะคะ บ๊ายบายย
ติดตามเพิ่มเติมกันได้ที่
Facebook : www.facebook.com/mamybooking
Twitter : @Mamybooking
Youtube : Mamy Booking
Line : @Mamybooking